1.ฟองน้ำ
ฟองน้ำ ฟองน้ำเป็นสัตว์ทะเลประเภทหนึ่งมีเซลล์จัดเรียงตัวกันอย่างหลวมๆสองชั้น รูปร่างมีความต่างกันมากบางชนิดแผ่คลุมไปบนพื้นหินและซอกปะการังบางชนิดเป็นรูปเจกันคล้ายครก ขนาดของฟองน้ำมีความแตกต่างกัน บางชนิดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตร จนถึงขนาดใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลที่มีพื้นสภาพต่างกัน ลำตัวของฟองน้ำนั้นมีรูฟุนขนาดเล็กจำนวนมาก เป็นช่องให้น้ำไหลเข้าไปในโพรงลำตัวและบุไว้ด้วยกลุ่มเซลล์ที่ทำหน้าที่กินอาหารโดยใช้แส่จับ ฟองน้ำมีลักษณะอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นได้ ภายในลำตัวมีโครงค้ำจุนให้คงรูปร่างอยู่ได้
2.ขนนกทะเล
ขนนกทะเลจัดอยู่ในกลุ่มซีเลนเตอเรทพวกไฮโตรซัวอาศัยอยู่รวมเป็นโคโลนีที่แตกกิ่งก้านคล้ายกิ่งไม้เล็กๆหรือ
แตกแขนงคล้ายขนนกตัวขนนกทะเลแต่ละตัวเป็นโพลิปขนาดเล็ก โพลิปจะกินอาหารจำพวกแพลงตอนขนาดเล็กหรืออินทรียวัตถุที่ล่องลอยอยู่ในทะเล ขนาดของขนนกมีความแตกต่างกัน ส่วนใหญ่โคโลนีที่คล้ายกิ่งไม้มีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร อาศัยเกาะอยู่ตามปะการังต่างๆ ขนนกทะเลเป็นสัตว์มีพิษหากสัมผัสกับผิวหนังของเรา จะทำให้เกิดรอยไหม้เป็นผื่นคัน เนื่องจากเข็มพิษจากโพลิปของขนนกทะเลมีน้ำพิษอยู่ด้วย
3.ปะการังไฟ
ปะการังไฟ ปะการังไฟเป็นไฮโครซัวชนิดหนึ่งพวกเดียวกับขนนกทะเลและสร้างฐานรองรับเป็นหินปูนแข็ง
และสร้างฐานรองรับโพลิปเป็นหินปูนแข็งตัวโพลิปปะการังไฟมีรูปร่างสองแบบแบบหนึ่งทำหน้าที่จับเหยื่อ
กินอาหารและมีหนวเรียกว่าแดดทิลโลซูออยด์ และอีกแบบที่ไม่มีหนวดมีหน้าที่รับความรู้สึกสัมผัสและ
สร้างเข็มพิษ ใช้สำหรับฆ่าเหยื่อหรือป้องกันตัว โพลิปแบบนี้เรียกว่าแดดซิลโซลูออยด์ เมื่อเราไปสัมผัส
ปะการังไฟ น้ำพิษจากเข็มพิษจึงทำให้เกิดอาการคันได้ รูปร่างของปะการังนั้นส่วนใหญ่จะคล้ายกับปะการังก้อน
ปะการังผักกาด หรือปะการังเขากวาง ปะการังไฟทุกชนิดอาศัยอยู่รวมกันเป็นโคโลนี กินแพลงตอนและ
อินทรียวัตถุในน้ำเป็นอาหาร สืบพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ
4.แมงกะพรุน
แมงกะพรุนโดยทั่วไปมีประมาณ 250 ชนิด แต่ละชนิดจะมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ตั้งแต่ 2-200 ซม. พวกที่มีขนาดเล็กมักจะมีสีสดและเข้ม เช่น สีชมพู ม่วง เขียว หรือใสไม่มีสี ส่วนพวกที่มี
ขนาดใหญ่มักจะมีสีฟ้า น้ำตาล หรือขาวขุ่น บางชนิดสามารถเรืองแสงได้ในที่มืด สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ตามบริเวณชายฝั่งทะเลและท้องทะเลจะพบมากในเขตอบอุ่นและเขตร้อน แมงกะพรุนส่วนใหญ่จะลอยอยู่ บริเวณผิวน้ำแต่มีบางชนิดที่พบในน้ำลึกถึง 200 เมตร ชนิดที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้ เช่น แมงกะพรุนหนัง แมงกะพรุนหอม แมงกะพรุนลอดช่อง พบในประเทศไทย และเขตน้ำตื้นเขตร้อนทั่วไป ชนิดที่มมีพิษร้ายแรง เช่น แมงกะพรุนไฟ แมงกะพรุนสาหร่าย เป็นต้น
5.ดอกไม้ทะเล
ดอกไม้ทะเลจะมีรูปร่างเป็นทรงกระบอก มีหนวดจำนวนมากเรียงรายกันอยู่ด้านบน ส่วนทางด้านล่างเป็น ฐานใช้ยึดเกาะติดกับวัตถุใต้น้ำ ขนาดของดอกไม้ทะเลแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันตั้งแต่ตัวเล็กกว่า 1 เซนติเมตร จนถึงขนาดใหญ่กว่าครึ่งเมตร อาหารของดอกไม้ทะเลได้แก่ ปลาหรือสัตว์ทะเลชนิดอื่นที่ว่ายเข้ามาในระยะที่ หนวดจับได้ ดอกไม้ทะเลจะปล่อยนีมาโตซีสออกมาทำให้เหยื่อสลบ แล้วรวบเข้าปากที่อยู่ตรงกลาง ดอกไม้ทะเล นั้นจะมีถิ่นที่อยู่อาศัยแตกต่างกัน บางชนิดที่อยู่ในเขตน้ำขึ้นน้ำลงจะมีความทนทานต่อความเปลี่ยนแปลงของ สภาพแวดล้อมได้ดีทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงความชื้น ความเค็มและอุณหภูมิรวมทั้งความสามารถในการอยู่
บนบกได้เป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงขณะที่น้ำทะเลลดลงด้วย เราจึงมักพบดอกไม้ทะเลเกาะอยู่ตามก้อนหิน
ริมชายฝั่งโดยหดตัวเป็นก้อนกลม เพื่อรอให้น้ำทะเลท่วมบริเวณที่อาศัยอยู่อีกครั้งหนึ่ง
6.กัลปังหา
กัลปังหาเป็นสัตว์ทะเลพวกเดียวกับปะการัง ทุกชนิดอาศัยอยู่รวมกันเป็นโคโลนีแตโพลิปมีหนวดแปดเส้นรอบปาก
หนวดแต่ละเส้นมีแขนงแตกออกคล้ายใบปรงหรือเฟิร์น กัลปังหากินแปลงตอนเป็นอาหาร โดยใช้หนวดรวบ
ใส่ปากตรงกลาง การย่อยเกิดในกระเพาะที่มีลักษณะเป็นถุง หลังจากย่อยแล้งกากอาหารจะถูกคายออกทางปาก
กัลปังหานั้นจะอาศัยอยู่ตามแนวปะการังหรือกองหินใต้น้ำเท่านั้นเพราะต้องการยึดเกาะกับพื้นแข็งแต่จะ
ไม่สามารถงอกอยู่ที่พื้นทรายหรือโคนได้ และการที่กัลปังหามีการแตกกิ่งก้านออกไป สัตว์หลายชนิดจึงมักมา
อาศัยพึงพาอยู่กับกัลปังหา เช่นปลาสลิดหินขนาดเล็ก ใช้เป็นที่หลบกำบังศัตรู หอยสองกาบใช้กัลปังหาเป็นที่
ยึดเกาะ ดาวตาข่าย ดาวขนนก กุ้งขนาดเล็ก ใช้กัลปังหาเป็นที่เกาะสำหรับคอยดักจับอาหารที่ลอยมากับน้ำ
7. ปากกาทะเล
ปากกาทะเล มีลักษณะใกล้เคียงกับปะการังอ่อน ปากกาทะเลทุกชนิดอาศัยอยู่รวมกันเป็นโคโลนีเช่นเดียวกับกัลปังหา
และปะการังอ่อน ด้านล่างเป็นด้ามใช้สำหรับฝังลงในพื้นทะเล ที่เป็นดินโคลน หรือโคลนปนทราย ส่วนบนที่อยู่ขอ
งโพลิบรูปร่างเป็นทรงกระบอก สามารถ ยืดหดตัวจากเนื้อเยื่อของโคโลนีเพื่อจับเหยื่อ แต่ละโคโลนีมีโพลิปหรือตัว
ทะเลนับร้อยตัว ปากกาทะเลทุกชนิดอาศัยอยู่ตามพื้นทะเลโดยเฉพาะบริเวณที่มีกระแสน้ำไหลผ่าน เพราะโพลิปจะได้รับ
แพลงตอนที่พัดพากับกระแสน้ำและได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ปากกาทะเลมีคุณสมบัติพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ
ความสามารถในการเรืองแสงได้ในที่มืด การเรืองแสงอาจเกิดเป็นบางส่วนหรือเกิดพร้อมกันทั้งโคโลนีก็ได้
ด้วยเหตุนี้ท้องทะเลบาง พื้นที่ที่มีปากกาทะเลอาศัยอยู่ จึงอาจมีแสงเรืองคล้ายไฟใต้น้ำส่องสว่างด้วย ปากกาทะเล
นั้นไม่สามารถนำมาบริโภคได้จึงถูกนำไปทำอาหารสัตว์ปะปนกับปลาเป็ด
8.หนอนดอกไม้